วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

โครงสร้างรายการนิตยสารทางอากาศ


นายเพ็ชรสยาม   พรหมงอย  530106040051
โครงสร้างรายการนิตยสารทางอากาศ
ชื่อรายการ                                                ธรรมมะพาสุข
นิตยสารประเภท                                       นิตยสารเฉพาะ
วัน เวลาที่ออกอากาศ                             ทุกวันเสาร์ เวลา22.00- 23.00 .
สถานีออกอากาศ                                      91.25 MHz
กลุ่มเป้าหมายหลัก                                   วัยรุ่นอายุระหว่าง  15-25 ปี
วัตถุประสงค์                                            เพื่อให้เยาวชนไทยหันมาเข้าวัด ฟังธรรมะ เพื่อเป็นแนวทางใน
                                                               การดำเนินชีวิตของตัวเอง                                                                                                               
แนวคิดหลัก                                             เพื่อให้ความรู้กับวัยรุ่นหรือเยาวชนไทยที่จะนำไปประยุกต์ใช้ใน
                                                              การดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตและปลูกฝังให้มีจิตใจดี มีเมตตา
                                                                                                                                              
ช่วงที่ 1     ธรรมมะกับวัยรุ่น               
                นำเสนอทางด้านธรรมมะและข้อคิดใหม่ๆ และบรรยายธรรม หัวข้อ เรียนอย่างไรให้ถูกใจวัยรุ่น และ ปลูกฝังจิตสำนึกของวัยรุ่นให้ทราบถึงประวัติความเป็นมา   ให้วัยรุ่นได้เห็นถึงความงดงามทางด้านพุทธศาสนา ( นำเสนอในรูปแบบบทความ  10 นาที)
ช่วงที่2       ร้อยเรื่องราวในความดี
                นำเสนอทางด้านธรรมมะและข้อคิดใหม่ๆให้กับวัยรุ่นที่เกี่ยวเนื่องมาจากหลักธรรมคำสอนทางด้านพุทธศาสนา ในเรื่องของการทำความดี
หรือโครงการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกัน   ในรายการจะเปิดโอกาสให้ผู้ฟังทางบ้าน Phone in เข้ามาถึงโครงการหรือกิจกรรมที่กำลังจะทำและกระจายข่าวเพื่อให้วัยรุ่นมาร่วมกิจกรรมไปด้วย พูดถึงกลุ่มต่างๆที่มีแนวคิดและพึงปฏิบัติในการทำความดีเพื่อช่วยเหลือสังคมที่ยากไร้หรือผู้ประสบภัยต่างๆ มีการร่วมบริจาคหรือ เข้าร่วมกลุ่มในการทำงาน (นำเสนอในรูปแบบ บทความ + สารคดี 10 นาที) 
ช่วงที่3       สุขใจกับพระธรรม
                มีการสัมภาษณ์พระสงฆ์ในเรื่องของธรรมมะกับวัยรุ่น วัยรัก  ในหัวข้อต่างๆที่กำหนดขึ้น   อย่างเป็นกันเองลงแนวทางปฏิบัติ   แนวความคิด ตามหัวข้อที่กำหนดขึ้นในแต่อาทิตย์ (นำเสนอในรูปแบบ สัมภาษณ์ 10 นาที)
ช่วงที่4     ท่องเที่ยวรอบวัด
              นำเสนอวัดที่มีความสวยงามทางด้านวัฒนธรรมไทย  เอกลักษณ์จุดเด่นภายในวัด  หรือแม้แต่กิจกรรรมที่จะเกิดขึ้นภายในวัด  เพื่อให้วัยรุ่นไทยหันมาเข้าวัดและเล็งเห็นถึงคุณค่าทางด้านพระพุทธศาสนา   ข่าวสารต่างๆ (นำเสนอในรูปแบบบทความ 10 นาที)
ช่วง
เนื้อหา
วิธีการนำเสนอ
เวลา


[ธรรมมะกับวัยรุ่น]


นำเสนอทางด้านธรรมมะและข้อคิดใหม่ๆให้กับวัยรุ่น


         -บทความ
        -เสียงบรรยาย


10 นาที


[ร้อยเรื่องราวในความดี]

กิจกรรมในการทำความดีเพื่อสังคมและกระจายข่าวสารให้วัยรุ่นทราบ

       -Vox-Pop

     -บทความ + สารคดี

1 นาที

8 นาที


       [สุขใจในพระธรรม]


สัมภาษณ์พระสงฆ์ในเรื่องของธรรมมะกับวัยรุ่น


       -เสียงสัมภาษณ์


10นาที


         [ท่องเที่ยวรอบวัด]


แนะนำวัดให้วัยรุ่นมาสนใจ
กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น


       -เสียงบรรยาย
     
     


10 นาที




Fade in Jingle 10 วินาที แล้ว Fade under
Cross   Fade เพลงประจำรายการ    15 วินาที แล้ว Fade out

เพ็ชรสยาม :          สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน   เพ็ชรสยาม   พรมหงอย   พบกับผมในรายการ ธรรมมะพาสุข กับช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย เจอกันเป็นประจำทุกๆวันเสาร์ กับเวลาสบายๆ สี่ทุ่มถึงห้าทุ่ม คุณผู้ฟังครับมีคนหลายๆคน ที่คิดและอยากจะทำความดีเพื่อให้ตนเองนั้นมีความสุขกายและสุขใจ แต่หลายคนไม่มีโอกาสได้ทำความดีให้ตนเองได้ชื่นชมกันเลยแต่หลายๆคนใช้พระธรรมที่ตนเองได้ไปปฏิบัติมาในแต่ละที่เอามาเพื่อมาขับเคลื่อนความคิดและการกระทำของตนเอง เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในชีวิตตามความต้องการ  ทุกวันนี้ก็มีสถานที่พักผ่อนมากมายและอยากจะแนะนำให้คุณผู้ฟังได้เปิดใจรับสิ่งเหล่านี้ที่รายการของเรานำมาบอกเล่าในวันนี้นั้นก็คือ วัดนั้นเอง อย่าเพิ่งเปลี่ยนคลื่นไปคลื่นใหม่นะครับ เพราะรายการของเราคือ รายการธรรมมะพาสุข เป็นรายการที่จะพาคุณผู้ฟังเข้าไปในวัด ทำกิจกรรมในวัด ช่วยสังคม ธรรมมะกับวัยรุ่น นำเสนอข้อคิดเรื่อง ธรรมมะกับความรักของวัยรุ่น เพื่อนำไปเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไป รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเข้าวัด ทำกิจกรรม ช่วยเหลือสังคมและกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เคยเข้าวัดเลย เพราะอะไรทราบกันกับช่วงนี้ครับ  ร้อยเรื่องราวในความดี  ติดตามเรื่องราวของกลุ่ม อาสาดุสิต ว่าเข้าทำและสร้างกิจกรรมช่วยเหลือสังคมและได้ให้วัยรุ่นได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมช่วยน้ำท่วม สุขในพระธรรม พูดคุยกับท่านโอ๊ต ทมวโรในหัวข้อ “วัยรุ่นไทยหัวใจธรรมมะ” และ ท่องเที่ยวรอบวัด สถานที่ที่จะไปเที่ยวในวันนี้คือวัดโพธิ์หรือว่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามถ้าในทางพุทธศาสนาวัดนี้จะให้วัยรุ่นได้ทำกิจกรรมยามว่าง  สนทนาพระธรรมในหมู่วัยรุ่น และอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ดูกัน  คุณผู้ฟังครับถ้าคุณอยากจะทำความดีเพื่อให้คนอื่นเห็น มันเป็นการกระทำที่ง่ายๆแต่ถ้าคุณอยากทำความดีเพื่อตัวคุณเอง คุณผู้ฟังอย่าคาดหวังกับสิ่งที่ทำไป เพราะการกระทำของเราเราด้วยใจจริง ดังคำพูดของท่านกิติมา  อมรทัตว่า  “รู้จักมนุษย์ได้อย่างแท้จริง  ก็โดยความอ่อนน้อมของจิตของเขา”

Fade in เพลงบรรเลง 15 วินาที แล้ว Fade under

Fade up เพลงหัวใจ ของ Big Ass 15 นาที แล้ว Fade under

ผู้ดำเนินรายการ(โสภิต) :         สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกคนที่ฟังรายการ    วันนี้พบกับผมโสภิต ในช่วงธรรมมะกับวัยรุ่น ช่วงนี้เราจะมีพระมหากิตติเรศ กิตติญาโน วัดเสมียนนารี กรุงเทพมหานคร จะมาบรรยายให้หัวข้อพิเศษ เรื่อง เรียนอย่างไรให้ถูกใจวัยรุ่น และวัยรุ่นถึงจะชอบนั้นเองครับ และข้อคิดดีๆที่คุณผู้ฟังจะนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้  
ผู้ดำเนินรายการ(โสภิต) :   กราบนมัสการพระมหากิตติเรศ กิตติญาโณ กระผมของเรียกชื่อท่านแทนคำว่า   พระอาจารย์ก็แล้วกันนะครับ ในวันนี้เรามีหัวข้อบรรยายว่า
เรียนธรรมมะอย่างไรให้ถูกใจวัยรุ่น    เรียนถามพระอาจารย์ครับว่ามีสิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจคนหลายๆคนว่าทำไมเด็กไทยถึงไม่ชอบวิชาธรรมมะ คุณธรรม จริยธรรม เป็นเพราะอะไรครับ พระอาจารย์ แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
เสียงสัมภาษณ์ :   เมื่อพูดถึงเรื่องของวัยรุ่นและธรรมมะกับปัจจุบันนี้ก็ค่อนข้างที่ ที่อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ตามความคิด ความรู้สึกของวัยรุ่นไม่จำเป็นเฉพาะ วัยรุ่นหรือวัยไหนๆก็ตามที บางที่เนี้ยถ้าพูดถึงเอาความถูกต้องกับความถูกใจเนี้ย คือแนะนอนบางอย่างอาจจะถูกใจแต่บางออย่างไม่ถูกต้อง บางอย่างถูกต้องคือมันไม่สอดคล้องกันแลหละคือมันไม่ถูกใจ  อันนั้นคือธรรมมะที่เราจะต้องเรียนรู้เบื้องต้น คือจริงแล้วธรรมมะมันก็ไม่ได้ลึกซึ้งหรอกไอ้ที่เราไปเรียนมานะ แต่ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับผู้เรียนและผู้สอนมากกว่า  ที่นี้หัวข้อที่น่าสนใจในยุคปัจจุบันนี้ ที่เราไม่จำเป็นจะต้องมีอายุเยอะอย่างเดี่ยวที่จะสนใจในเรื่องของธรรมมะ ที่โยมให้หัวข้อมาในวันนี้คือ เรียนอย่างไรให้ถูกใจวัยรุ่น  อันนี้นอกจากวัยรุ่นแล้วก็มีหลายๆวัย ที่ธรรมมะแล้วอาจจะไม่ถูกใจ  เพราะว่าธรรมมะที่เขาเรียนนิ ที่สำคัญนิธรรมมะในแนวคิด ที่ทางพระอาจารย์เองให้ถูกวัย ให้เหมาะสมกับวัยที่เรียน  ที่นี้ถ้าเป็นวัยที่มีอายุเยอะแล้วเขาก็จะมีแนวความคิด คือผ่านวัย รตันญู คือได้เรียนรู้ในวัยเด็กมาแล้ว  ที่นี้เขาก็จะหาธรรมมะที่เขาถูกใจสำหรับเขา   ถ้าเราจะมาหาธรรมมะสำหรับวัยรุ่นแล้ววัยผู้สูงอายุที่เขานับถือแบบนี้มาเขาก็ไม่ถูกใจ  ใช่ไหม  เนี้ยธรรมมะของพระพุทธองค์เนี้ย    8,4000   พระธรรมเนี้ยเยอะแยะมากมาย     ก็เหมือนกับเราไปโรงพยาบาล คือพวกเราทุกคนเนี้ยมีโรคนะ    แต่ว่าเราพูดถึงโรคทางกายมากว่าโรคใจ  ที่นี้ท่านเปรียบวัดเป็นเสมือนโรคใจ ท่านก็ว่าสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล คลีนิคท่านก็เปรียบให้เป็นยารักษาใจทั้งนั้น  ที่นี้เราจะรักษาใจอย่างไร ที่เรียนกว่าเรียนธรรมมะให้ถูกใจนั้นเอง  เราต้องดูว่าเราเป็นโรคอะไรด้วยในเบื้องต้นนะ อย่างคนที่อายุเยอะๆเขาก็จะป่วยในเรื่องของหน้าที่การงาน   อันนั้นเราจะต้องเอาประยุกต์ใช้ให้ถูก  เพราะฉะนั้นก็เหมือนกับเราเป็นหวัด เจ็บไข้ ไม่สบาย เนี้ย    เราเป็นโรคลักษณะอย่างนี้เราคิดที่จะกินยาชนิดที่ให้ตรงกับอาการที่เราเป็น มันก็หายป่วยใช่ไหม    แต่บังเอิญคนเราป่วยแล้วจอยากจะหายป่วย แต่ไปกินยาอย่างอื่น    อาจจะไปกินยาแก้ไออย่างอื่น    ไม่เกี่ยวกับโรคหวัด ถามว่ามันหายป่วยไหม      มันก็ไม่หายป่วยใช่ไหม อย่างเช่นวัยรุ่นนิ   เขาเรียนธรรมมะในหลักสูตรที่นักเรียนมัธยม ประถมศึกษา    ที่เขาเรียนกันอยู่เนี้ย     หลักสูตรธรรมมะเนี้ยซึ้งกล่าวไว้ก้พยายามนำหลักสูตรให้เป็นกลางๆไว้แต่ว่ากลางมันอาจจะยังไม่ตรงใจเด็กไปหน่อย แต่ที่นี้ถ้าเป็นสำหรับวัยรุ่น หรือสำหรับเด็กที่เขาจะเรียนให้ถูกใจนั้น   คือผู้นำเสนอก็ต้องเอาความคิดและหลักสูตรธรรมมะไปประยุกต์เพื่อให้สอดคล้องกับวัยรุ่นให้มากขึ้น    บางทียาที่จะต้องรักษาโรคใจที่เด็กๆเขาเป็นอยู่ ด้วยปัญหาหน้าที่ด้านการเรียน  เพราะยาบางอย่างจำเป็นต้องกินแต่ผู้ที่จะให้ยาแก่เด็กๆนั้นจะต้องประยุกต์และคิดที่จะให้เด็กกินยาได้ง่ายขึ้น   แต่ว่ามันต้องรักษาถูกกันนะ คือไม่ได้หมายความว่า คือ อ่า เด้กเขาป่วยเป็นโรคนี้แล้วเราจะต้องเอายาไปให้เด็กเขากิน  บางที่มันก็กินง่ายนะ มันหวาน แต่มันไม่เป็นโยชน์นะ คือบางอย่างยานะมันขม  แต่ว่ามันมีคคุณประโยชน์ แต่ว่าเอาไปให้ผู้ใหญ่กินนิกินง่าย แต่ถ้าเอาไปให้เด็กกินนิเด็กจะไม่ชอบ แต่ว่าเราจะทำอย่างไรล่ะที่จะให้เด็กมากินยาที่ขมๆได้  เราต้องมีหมอ แต่ไม่ใช่หมอกายนะ แต่เป็นหมอใจนั้นก็คือผู้ที่เป็นพระ ผู้ที่จถ่ายทอดและนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ให้กับเด็กๆที่รู้กัน ตอนเราเอายาให้เด็กกินเราสังเกตกลยุทธ์ต่างๆในการเปลี่ยนแปลงของเด็กๆว่าเด้กชอบหรือไม่ชอบจะได้หาวิธี และกระบวนต่างๆที่จะมาประยุกต์เพื่อนำไปใช้ได้ต่อ   ยาที่ให้ไปก็อย่าขมจนเกินไปหรือเอียนจนเกินไปเช่นเดี่ยวกัน  เพราะฉะนั้นก็เลยมีเรื่องของแต่ล่ะที่เขาก็จะมีสื่อ หรือแนวทางที่จะประยุต์เรื่องของธรรมมะเพื่อให้เหมาะสมในการที่จะให้เด้กรู้สึกว่าการที่ให้เด็กนั้นมาเรียนทำธรรมมะนั้นมันง่าย และมีความสุข มีประโยชน์อีกด้วย แต่มันเป็นยาแขนงเดียวกันนนั้นแหละที่รักษาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ด้วย ที่นี้เชื่อมโยงมาให้เรามาเป็นตัวอย่างในเบื้องต้น ธรรมมะมีเยอะนะ เช่น ปัญหาในเรื่องของการเรียนก็ดี บางทีนั้นเขาจะเรียนหนีงสือวิชาอื่นก็ชั่ง แต่ว่าวิชาธรรมมะนิ แต่เขารู้สึกว่า จะต้องมาเรียนอะไรนั่งฟังเทศน์ ฟังธรรม นั่งสมาธิ รู้สึกว่ามันเป็นภาพที่เด็กมองว่ามันน่าเบื่อหน่ายแล้ว  ใช่ไหม เด้กเขาจะมองภาพแบบนี้ แต่ทีนี้ครูเองทำโทษเด็กเนี้ย ก็มักจะให้ ถ้าเด็กดื้อมาก็จะให้นั่งสมาธิ  มันก็เลยกลายเป็นภาพลบของการเรียนวิชาธรรมมะ  ทั้งที่จริงการนั่งสมาธิมันประโยชน์ บางทีครูเองก็หาวิธี กลยุทธ์ไม่ออกก็เลยใช้วิธีนี้เสียเลย  แต่จริงๆแล้วเราก็เลยให้ใช้วิธีที่มีการปรับและเปลียนที่ต้องมาใช้กลยุทธ์ ยังเช่น คุณเรียนอะไรล่ะ นิเทศศาสตร์ ทำไมถึงเรียน ก็เพราะเรามีใจรัก เรามีฉันทะ ฉันทะคือ ชอบ โยมชอบโยมถึงเรียน ดังนั้นทุกๆแขนงวิชาต้องมีใจรักเราถึงจะเรียนและทำงานไปได้ในอนาคต  แต่ถ้าไม่มีฉันทะ คุณเรียนคุณก็ตก หรือแม้แต่จบจากสาขานี้มาทำงานอีกสาขาหนึ่ง คุณก็เอาไม่รอด ดังนั้นพระอาจารย์จึงอยากจะบอกว่า คุณต้องมีใจรักในสิ่งนั้นๆ  ถ้าไม่รัก ไม่ชอบคุณต้องประยุกต์มันให้เข้ากับตัวคุณและสถานการณ์ให้ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนในสาขาววิชาต่างๆ  พระอาจารย์ก็ยกตัวอย่างไปแล้วนะว่ากระบวนการต่างๆของการเรียนรู้ และที่สำคัญคือผู้ที่เป็นครูที่จะประยุกต์ออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจและทำให้เด็กติดตามในวิชาธรรมมะเหมือนกับวิชาอื่นๆ
เพ็ชรสยาม :    ขอบคุณพระมหากิตติเรศ กิตติญาโณ ที่มาหาข้อยุติเรื่องของ เรียนธรรมมะอย่างไรให้ถกใจวัยรุ่นนะครับ เด็กๆฟังดูแล้วเอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้นะครับ ในเรื่องของ ฉันทะ คือความรัก ความชอบ นั้นเองครับ และวันนี้มีข้อคิดดีๆนำมาฝากคุณผู้ฟังนะครับ  ว่า เราไม่ต้องขีดเส้นแตกต่างระหว่างตะวันออกกับตะวันตกไว้ดังนั้น  ทุกๆ สิ่งต้องถูกตัดสินโดยคุณสมบัติของมัน   ไม่ว่ามันจะอยู่ในตะวันออกหรือตะวันตกก็ตาม   เราจะให้ความยุติธรรมอย่างเหมาะสมได้ด้วยการทำเช่นนั้นเท่านั้น สำหรับวันนี้ต้องลาคุณผู้ฟังไปก่อนนะครับ สัปดาห์หน้าราจะมาพูดในหัวข้ออะไรอย่าลืมติดตามรับฟังนะครับ กับผม โสภิต ในช่วง ธรรมมะกับวัยรุ่น สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ


Fade in เพลง ทำได้เพียง ของ 25 House 4.00 นาที แล้ว Fade out


Fade up เพลงบรรเลง 10 วินาที แล้ว Fade out


เพ็ชรสยาม :       ธรรมมะมันก็เป็นเรื่องที่ฝั่งลึกอยู่ในใจของเราอยู่แล้ว ทำให้คนที่มีความคิดที่เหมือนๆกันออกมารวมตัวกันเพื่อที่อยากจะช่วยเหลือสังคมและดูแลบ้านเมืองให้มีความสุขทั้งกายและใจ และคุณผู้ฟังคนไหนที่อยากจะไปรวมกลุ่มหรือทำกิจกรรมดีๆเพื่อช่วยเหลือสังคมก็สาสารถติดต่อมาที่รายการของเราได้นะครับ อย่างที่บอกว่าช่วงนี้มีกิจกรรมเยอะแยะมากมายที่จะให้ร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม เราก็จะไปพบพี่ต้นไม้กันเลยกับช่วง ร้อยเรื่องราวในพระธรรม




Fade in เพลงบรรเลง 15 วินาที แล้ว Fade under


ผู้ดำเนินรายการ(ต้นไม้) :         สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน ต้นไม้ ดิษกรณ์ พบกันช่วง ร้อยเรื่องราวในความดี ในทุกๆช่วงคุณผู้ฟังจะได้รู้เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ และผมจะตามไปกับเจ้าของกลุ่ม อาสาดุสิต ติดตามดูกิจกรรมต่างๆ  วิธีการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร พูดคุยความเป็นมาของกลุ่ม อาสาดุสิต ก่อนที่จะมาเป็นกลุ่มที่ใหญ่โตแบบนี้  วันนี้ผมจะมาเล่าให้คุณผู้ฟังได้ฟังกันต้องติดตามฟังนะครับ และ ในวันที่ 20 สิงหาคม 2554 ศูนย์อาสาสมัครเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้จัดฟุตบอลการกุศลขึ้น เพื่อนำเงินในครั้งนี้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยการแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้และได้มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุน พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ทุกคนได้ทราบถึงจุดมุ่งหมายในครั้งนี้  ไม่ว่าจะเป็น  SCG , เบียร์สิงห์  น้ำดื่มสิงห์ จากบริษัทบุญรอด จำกัด, TOYOTA,  โค้ก และห้างร้านอื่นๆอีกมากมาย  ในงานนี้จะมีรองศาสตราจารย์ ดร. วรากรณ์   สามโกเกศ ท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  ได้รับเกียรติมาเป็นประธานเปิดงานการแข่งขันฟุตบอลเชื่อสัมพันธ์ในครั้งนี้อีกด้วย นับเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดสำหรับสนามนี้เลยทีเดียว โครงการนี้นับเป็นโครงการล่าสุดที่คุณผู้ฟังให้ความสนใจเป็นจำนวนมากเพราะว่าจะมีหน่วยงานต่างๆมาร่วมแตะฟุตบอลในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น ไทย พีบีเอส , เอสซีจี,   ค่ายอาสาสมัครมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, ศูนย์อาสาสมัครเพื่อสังคม, และอีกหลายๆทีมที่ไม่ได้เอ่ยนามออกมา หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมในครั้งนี้ เงินทุกบาททุกสตางค์ จะเก็บไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้น ยังไงก็ต้องเชิญชวนคุณผู้ฟังนะครับ   ร่วมชมและรวมเชียร์ไปกับเหล่านักแตะของเราได้ที่สนามมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ภายในงานจะมีวงดนตรีจาก อาจารย์อ๊อฟ ให้คุณผู้ฟังได้ผ่อนคลายกันไป  งานนี้สนุกและมันแน่นอนนะครับเพราะว่าผมได้รับเกียรติจากผู้จัดงานให้เป็นพิธีกรในงานนี้ด้วย ถ้าคุณผู้ฟังมาก็จะได้เจอหน้าผมอย่างแน่นอนครับ  ผมมีโอกาศได้ไปพูดคุยกับคนที่รวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยกลุ่มนี้ได้จัดตั้ง FACEBOOK ขึ้น ชื่อว่า กลุ่มประเทศไทยกลับมาสดกว่าเดิม กลุ่ม เฟสบุ๊ค นี้คือ ประเทศไทยกลับมาสดใสกว่าเดิม เกิดขึ้นหลังจากงาน Big Cleaning Day เมื่อวันที่  21 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นกิจกรรม ครั้งที่ 3 แล้วครับของกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆนี้  ที่เคยทำกิจกรรมด้วยกันในเฟสบุ๊ค    เมื่อคนในกลุ่มเห็นภาพของความสามัคคี และเห็นถึงพลังของการแบ่งปันการช่วยเหลือ  การร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ในงาน Big Cleaning Day จึงมีความคิดว่าควรตั้งกลุ่มในเฟสบุ๊คขึ้นเพื่อรวมเพื่อนๆ   ที่อยากร่วมทำกิจกรรมดีๆไม่ให้หายไป โดยเริ่มชื่อกลุ่มว่า “ประเทศไทยกลับมาสดใส ดีกว่าเดิม”  เพื่อให้กลุ่มนี้เป็นศูนย์กลางของเพื่อนๆ ในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระจายข่าวให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเฟสบุ๊ค  ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น  ว่าในกลุ่มได้ทำกิจกรรมอะไรไปบ้างแล้ว มีใครสนใจอยากจะเข้าร่วมกิจกรรมบ้าง   ตั้งแต่นั้นมา   กิจกรรมของกลุ่มคนในเฟสบุ๊คนี้ได้กระจายไปสู่กลุ่มเพื่อนๆในเฟสบุคอย่างต่อเนื่อง   และมีผู้เข้าร่วมกลุ่มและกิจกรรมด้วยดีมาตลอด เชื่อไหมว่าจากกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ที่รู้จักกันผ่านทาง Social network อย่างเฟสบุ๊คโยทุกคนมีจิตใจและความต้องการเดียวกันคือ อยากแสดงความมีน้ำใจและได้ลงมือทำความดีในรูปแบบต่างๆ อยากเห็นได้ชัดเลยสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ความมีน้ำใจยังคงอยู่และสืบเนื่องยาวนานถึงรุ่นปัจจุบันอย่างเราๆ อยากให้ทุกคนร่วมกันช่วยกันทำความดีสสิ่งต่างๆที่ผมพุดมา    เป็นที่มาของกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆที่มีจิตใจที่ดีและเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากว่าส่วนตน ก็เลยกลายเป็นกลุ่มที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน ชื่อว่า ประเทศไทยกลับมาสดใส ดีกว่าเดิม จนถึงทุกวันนี้ กลุ่มประเทศไทยกลับมาสดใสดีว่าเดิม    เป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องการเห็นถึงความรักความสามัคคีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย    จึงรวมตัวกันขึ้นพื่อทำประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่มีการมุ่งแสวงหาผลกำไรทางการค้าหรือธุรกิจ   รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านการเมืองอีกด้วย จะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนการทำกิจกรรมต่างๆ จากทุกหน่วยงานด้วยดี   และสามารถช่วยกันสร้างประเทศไทยของพวกเรา ให้กลับมาสดใสและดีขึ้นกว่าเดิมได้ในอนาคต     กิจกรรมระดมสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในช่วงเดือนตุลาคม พุทธศักราช 2553    ของกลุ่มประเทศไทยกลับมาสดใสกว่าเดิมนับเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดเต๊นเพื่อรับบริจาคสิ่งของ ที่โรงแรมดุสิตธานี    ทำให้เป็นทีมาของชื่อใหม่ว่า อาสาดุสิต ในปัจจุบัน นี้คือกลุ่มที่เขาได้รับการปลูกฝังในทางพระพุทธศาสนา คือการให้ทานนั้นเอง ในวันที่ 27 มิถุนายน 2554 สำนักบัณฑิตย์อาสาสมัครมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ได้ร่วมมือกับกลุ่มต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือกลุ่ม อาสาดุสิต ที่ได้เข้ามาร่วมงานในวันนั้น มันเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในหัวข้อ การบริหารจิตอาสาในภาวะฉุกเฉิน งานนี้เพื่อสร้างและขยายองค์ความรู้ด้านงานอาสาสมัครสู่สังคม  จิตอาสา   เป็นจิตที่พร้อมเสียสละช่วยเหลือให้ผู้อื่นยามทุกข์ยากเดือดร้อน  ต้องการความช่วยเหลือ  จากเหตุภัยพิบัติบ่อยครั้งในที่ผ่านมา  ไมว่าจะเป็นภัยพิบัติที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เช่น    ภัยสงคราม     
ภัยทางการเมือง  ไม่ว่าจะเป็นภัยรูปแบบไหนน้ำใจของคนไทยก็ไม่เคนเจือจางไปไหน   การบริจาคสิ่งของต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสื่อสังคมออนไลน์  อย่าง   เฟสบุ๊ค    ทวิตเตอร์ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นพลังและประสานระหว่างพลังของ   จิตอาสา    แต่สำหรับจิตอาสาในภาวะฉุกเฉิน   เป็นช่วงของความวุ่นวาย ช่วงของความเป็น ความตาย   เราจะอยู่ได้ก็ด้วย สติ และไม่ตกใจเพราะถ้าเราตกใจ เราก็จะกระวนกระวายใจ ฟุ้งซ่าน แน่นอนว่าคุณต้องมาคนที่จะเข้ามาช่วย คุณให้พ้นจากสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ ณ ตอนนั้น   การบริหารให้มีการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย   แต่ก็ไม่ใช่จะฝึกฝนหรือเข้าใจให้ถ่องแท้ได้   ระบบการบัญชาการ  การสั่งการ  เป็นเรื่องสำคัญ    เราชื่อชมกับหลายๆประเทศเช่นเหตุการณ์สึนามึที่ญี่ปุ่นว่ามีการจัดการที่ดี  มีระเบียบ  มีวินัย  แล้วก็มาถามตัวเองว่า หรือว่าคุณผู้ฟังว่า เราทำอะไรตามใจ แบบไทย จะได้เท่าเขาไหม คำตอบอยู่ที่การสร้าง  การวางแผน และการซ้อม สำหรับผมแล้วผมตระหนักทุกเวลา ดีที่ว่าผมเป็นคนที่เข้าใจเรื่องพวกนี้เพราะเชื่อคำสอบของพระธรรมนั้นเอง    คนที่อยากเข้าไปช่วยนอกจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน    ยังมีประชาชนทั่วๆไปที่มีจิตอยากจะช่วยเหลือหรืออยากเป็นนักจิตอาสา  ที่พร้องเสียสละช่วยเหลือผู้อื่นในยามทุกข์ยากเดือดร้อนใจ    ในทุกรูปแบบของสภาวะฉุกเฉิน  การประสานพลัง จิตอาสา จะต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยผู้ประสบภัย   ไม่ก่อปัญหาซ้ำเติม  ไม่สร้างความยุ่งยากหรือสร้างความขัดแย้งให้กับผู้ประสบภัย    ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริงนั้นเองครับคุณผู้ฟัง    นี้คือการบริหารที่ดีของกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสังคมยามทุกข์ยาก   ผมจึงนำมาเล่าให้คุณผู้ฟังรับทราบถึงกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นภายในงาน อาสาสมัครเพื่อสังคม    และคุณผู้ฟังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ตามที่จิตของคุณปรารถนาอย่างแท้จริงครับ  และอีกหนึ่งโครงการคือ โครงการรักการอ่าน สานสู่ฝัน ที่กำลังจะเกิดขึ้น เจ้าของโครงการคือ นายอานุพงษ์ ซึมเมฆ หรือน้องแบงค์ ที่เป็นผู้คิดและมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือสังคมและเล็งเห็นถึงการศึกษาในประเทศ  โครงการจะมีขึ้นในเดือน
พฤษจิยายน  2554 ที่ โรงเรียนบ้านกวนบุน อำเภอเต๋างอย จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ห่างไกลความเจริญมากๆเด็กไม่มีหนังสือเรียน อาคารก็ทรุดโทรม น้องแบงค์เองก็เลยคิดที่จะทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเด็กๆเหล่านี้ให้มีการศึกษาที่ดี ถ้าเกิดว่าใครสนใจอยากจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ก็สามารถติดต่อเข้าไปได้ที่ 02-730959 ติดต่อสอบถามและให้การสนับสนนุนเรื่องของอุปกรณ์ทางการเรียน ชุดเทคโนโลยีที่เหลือใช้ต่างๆมาให้ได้นะครับ  เห็นไหมล่ะครับว่า เรื่องแบบนี้แค่คุณมีความใส่ใจ เล็งเห็นถึงปัญหาของสังคม และคิดที่จะยืนมือเข้ามาช่วย มันก็ทำให้คุณนั้นได้บุญและธรรมทานแล้ว คือตัวน้องแบงค์เองที่ได้ถามมาคือน้องเขาเองไม่ได้มีความสุขมากกับที่จะต้องมานั่งทำงานเพื่อใครก็ไม่รู้ แต่น้องแบงค์ ก็ไม่ได้มีความทุกข์มากถึงกับว่าจะไม่ทำอะไรเลย ถึงจะทุกข์มากเพียงใดก็ไม่เคยที่จะทิ้งและยืนมองเด็กตาๆดำๆที่เป็นคนในชาติของเราได้ นี้คือความคิดของน้องแบงค์ อายุเพียง 20 ปีเท่านั้นเองครับ ยังคิดโครงการที่จะเหลือสังคมอีก น่าเลื่อมใสจริงๆ ประการหนึ่งก็คือการที่ถูกครอบครัวปลูกฝัง และฝึกปฏิบัติในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม รวมถึงการอยู่รวมกันในสังคมอีก ทำให้เด็กๆนั้นมีความคิดที่แปลกและน่าสนใจ แต่ที่ๆสังเกตดูนะครับว่าทำไมเด็กไทยถึงไม่ชอบทำกิจกรรมแบบนี้ คือมันน้อยมากถ้าเทียบกับว่าเด็กๆที่อยู่ห้างสรรพสินค้า เต้นบีบอย เคป๊อบ อะไรแบบนี้  ถ้าเด็กๆหันมามองและสนใจสังคมรอบข้างประเทศชาติของเราก็จะเจริญมากขึ้นไปกว่านี้

Vox Pop 1 นาที
วิทยา :      อยาก….ทำกิจกรรมที่สนุกๆครับ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปครับ
ภัทรียา ;     ชอบทำกิจกรรมแบบนี้อยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปช่วยเหลือสังคมอีกค่ะ
วิทยา:     ก็อยากไปทำค่ายให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุกกัน ร้องเพลง เต้น อะไรแบบนี้มากว่าที่จะต้องมาอรบรมหรือ คุณธรรม จริยธรรม แบบนี้
 ภัทรียา:      หนูอยากพาเด็กๆเข้าไปทำกิจกรรมที่วัดค่ะ เพราะว่าวัดเป็นสถานที่สงบและ สวยงามเด็กๆก็จะได้คุ้นเคยกับวัดใด้มากๆ

ผู้ดำเนินรายการ(ต้นไม้) :      นี้คือความคิดเห็นของเด็กๆที่ไม่รู้จักกันเลย ทัศนคติที่ต่างกัน คือเด็กบางคนก็มองว่าอยากจะทำกิจกรรมประเภทนี้    สนุกสนานไปตามๆกัน และเด็กบางคนก็อยากจะจัดกิจกรรมขึ้นภายในวัดเพื่อให้เด็กๆ  นั้นรู้จักวัดและสามารถเข้ามาเล่นได้ภายในวัดเลย แต่อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน    ถ้าเกิดว่าเราได้รับการปลูกฝังที่ดีแล้วล่ะก็ ทำอะไรไปก็ย่อมประสบผมสำเร็จในชีวิตอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม   สำหรับวันนี้หมดช่วงเวลาของพี่แล้วนะครับ คงจะต้องทิ้งท้ายด้วยคติเตือนใจของท่านมหาสมปองแล้วครับว่า    โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน  พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

 Fade up เพลง ปั่นปึง ของ The Black up   15 วินาที แล้ว Fade under

Fade in เพลงบรรเลง 15 วินาที แล้ว Fade out

เพ็ชรสยาม :          สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน พบกับผม เพ็ชรสยาม พรหมงอย ในช่วง สุขในพระธรรม ซึ้งในวันวันนี้ผมได้มาอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ซึ้งในวันนี้ผมได้รับเกียรติจากพระอาจารย์วรชัย หรือท่านโอ๊ต ทมวโร ให้มาสัมภาษณ์ในหัวข้อ วัยรุ่นไทยหัวใจธรรมมะ ก่อนอื่นต้องนมัสการท่านโอ๊ตนะครับ ถามท่านโอ๊ตว่าวัยรุ่นไทยทำไมถึงห่างเหินจากธรรมมะ หรือวัด ความคิดของวัยรุ่นเป็นเช่นนั้นจริงหรือเปล่าครับแล้วจะทำอย่างเราให้วัยรุ่นหันมาสนใจในพระธรรม 

เสียงสัมภาษณ์  :       ก่อนอื่นต้องเจริญพรคุณเพ็ชรสยาม และก็เจริญพรท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน รวมถึงลูกๆวัยรุ่นทุกคน ซึ้งในวันนี้ก็มาพุดถึง เด็กไทยหัวใจธรรมะ ทำอย่างไรเด็กไทยจึงจะมาเข้าวัด อะที่นี้เรามาพูดถึงคำถามว่า ทำไมเด็กไทยไม่ชอบเข้าวัด ที่นี้เรามองคำว่าเด็กไทยหัวใจธรรมมะนั้น หัวใจเป็นสิ่งสำคัญ
เป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกายของคน  ดังนั้นถ้าเราใช้คำว่าเด็กไทยหัวใจธรรมมะนั้น ถามว่าถูกต้องไหม ถูกต้อง แต่จะทำอย่างไรธรรมมะอยู่ในหัวใจของเด็กไทย หรือให้เด็กไทยมีหัวใจในธรรมมะ ก็สอดคล้องกับคำถามว่าทำไมเด็กเดี่ยวนี้นั้นจึงห่างเหินจากวัด  จึงไม่คุณธรรมไม่มีจริยธรรม ก็พูดง่ายๆก็เพราะเด็กไทยเดี่ยวนี้นั้นขาดความรู้ความเข้าใจในด้านธรรมมะ หรือพูดง่ายๆว่าเราขาดความรู้ด้านพุทธศาสนา  ดังนั้นพวกเราทั้งหลายจึงไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า เรานับถือพระพุทธศาสนาเป็นเพียงแค่ประเพณี  เรานับถือพระพุทธศาสนาเป็นเพียงแค่การปฏิบัติสืบต่อกันมา แม้กระทั้งอัตมาหรือผู้ฟังบางท่าน ก็หลายท่านก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านนับถือพระพุทธศาสนามาแต่ต้นนั้นท่านนับถือมาตามพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ท่านนับถือมา แต่หลาย น้อยคนนักครับ ที่จะนับถือพระพุทธศาสนาตามระบอบระเบียบที่เกี่ยวกับความศรัทธาและความเลื่อมใส แต่ถ้าอย่างงั้นก็ย้อนไปอีกแหละครับเพราะว่า ในเริ่มต้นของคนทุกคนก็ไม่มีใครหรอกว่าจะนับถือพระพุทธศาสนาด้วยความศรัทธาจริงและความเลื่อมใส ทุกคนปฏิบัติสืบต่อกันมาทั้งสิ้น แต่เมื่อเราโตขึ้นแล้วเราก็ควรที่จะศึกษาพระพุทธศาสนาให้สมกับที่เราเป็นพุทธสานิกชนและนับถือพระพุทธศาสนา ทีนี้เมื่อย้อนกลับมาดูเด็กๆเดี่ยวนี้ห่างเหินจากวัด เพราะว่าอะไร เพราะว่าเดี่ยวนี้วิวัฒนาการหรือยุคสมัย พัฒนาการหรือโลกนั้นเปลี่ยนไป โลกเปลี่ยนไปทำให้วัตถุนั้นเจริญมากขึ้น  วัตถุเจริญมากขึ้นก็เหมือนกับว่า การสร้างความสะดวกสบายให้แก่ตัวเอง ให้แก่สังคม ให้แก่การงานมากขึ้น แต่จริยธรรม คุณธรรมที่อยู่ในบุคคลนั้นหายไป สังเกตจากอะไร หนึ่งเมื่อมีความสะดวกสบายมากขึ้นก็มีคดีความมากขึ้น  ก็มีการเอาช่องเล็ก ช่องน้อยในทางกฎหมาย ตลอดจนความสบายเหล่านั้นแหละมาทำให้เกิดโทษ  ดูและสังเกตจากอะไร สังเกตจาก เห็นไหมครับว่าเด็กทุกวันนี้มีโทรศัพท์มือถือใช้ มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ้งสมัยก่อนปู่ ย่า ตาย ยายเราไม่มี ไม่ได้ใช้ สมัยก่อนเราก็อยู่กันได้ ใช้กระดานฉนวน ชอกเขียน ใช้ปากกา ใช้ดินสอ มีอยู่แค่นั้นเอง แต่ปัจจุบันนี้วิวัฒนาการก็มาพัฒนาการทางด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่การพัฒนาการนั้นก็กลับให้เกิดช่องว่างระหว่างบุคคล ระหว่างศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี ถามว่าอะไร ถามว่าการพัฒนานั้นพัฒนาเร็วเกินไป บางที่เด็กๆหรือหลายๆคนเราตามและรับไม่ทัน อย่างแรกครับเมื่อกลับมาดูพุทธศาสนาที่เด็กไม่อยากเข้าวัดหรือไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวหรือข้องเกี่ยว กับพระพุทธศาสนามากนักอาจจะเป็นเพราะว่าเข้าใจ ไม่เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร ทีนี้โทษเด็กก็ไม่ถูกครับ เพราะเด็กกำลังเป็นวัยที่กำลังหาประสบการณ์ในสิ่งต่างๆรอบตัว  แต่ตอนนี้ในการศึกษาในประเทศไทยเราก็ไม่ได้เน้นถึงพระพุทธศาสนาสักเท่าที่ควร สังเกตจากกระเป๋าของเด็ก เดี่ยวนี้แบกไปโรงเรียนทุกวันๆสิบกว่ากิโลนั้น จะมีหนังสือพระพุทธศาสนาเพียงสักเล่มเดียวยังไม่มีให้เห็น  วิชาพระพุทธศาสนา  คุณธรรม จริยธรรม  เดี๋ยวนี้ตัดออกหมด เด็กก็เลยไม่รู้เมื่อเด็กไม่รู้แล้วการปฏิบัติของเด็กก็ไม่ถูกต้อง หรือเด็กบางคนรู้เพราะมีครูสอน หรือบางทีครูก็ไม่รู้จริงครับ  ก็สอนกันแบบผิดๆ ถูกๆ เด็กก็เลยไม่อยากจะศึกษา หรือเมื่อมีคำถามๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาครูผู้สอนก็ตอบไม่ได้  ก็ทำให้พระพุทธศาสนานั้นฟ่อ หรือถ้าอนาคตมองๆดุแล้ว อาจจะสูญพันธ์ครับ ในจิตใจของเด็ก ดังนั้นเราจึงมาปรับเปลี่ยนทัศนคติของเด็กก่อนก็คือย้อนกลับมาครับ ให้เราได้รู้จักพระพุทธศาสนาก่อน พระพุทธศาสนาหรือพระพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่หนังจักรๆวงๆครับ ที่เกิดขึ้นมาแล้ว รอย เหิน เดิน อากาศได้ ทางพระพุทธศาสนานั้นไม่มีครับ ไม่มีนั้นสิ่งต่างที่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะเป็นพุทรา อภินิหารต่างๆนั้นพระพุทธเจ้าทรงละเอาไว้แล้วเสีย ไม่มีครับ ถ้าให้สังเกตที่ธรรมมะครับ ธรรมมะคืออะไร
ในสิ่งเหล่าเด็กก็ไม่เข้าใจ  เพราะว่าธรรมมะในพระพุทธศาสนาเด็กจะเข้าใจว่ามันคือพระไตรปีฏก มันคือสิ่งที่ล้าหลังเอ่ย มันคือสิ่งที่ไม่ทันสมัย แต่ลืมไปครับที่จริงแล้ว ธรรมมะที่อยู่ในโลกนั้นก็คือธรรมชาติ  ไม่มีใครล่วงธรรมชาติได้ นั้นก็คือไม่มีใครสามารถหลุดพ้นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติได้เลยสักคน ย่างที่เราสังเกตง่ายๆก็คือ สามารถสังเกตง่ายคือๆ อนิจจัง สุขัง อนัตตา บางทีเด็กไม่เข้านั้นคือ การตั้งอยู่ เกิดขึ้น แล้วดับไป ซึ่งไม่มีใครผ่านพ้นได้สักคน เกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วดับไปในที่สุด ทีนี้บางคนยังไม่เข้าในสิ่งเหล่านี้เลยนะครับ  อย่าว่าแต่เด็กวัยรุ่นเลย บางทีคุณผู้ฟังยังไม่เข้าใจในสองเหล่านี้เลย ดังนั้นถ้าเข้าไม่เข้าใจ เขาก็ไม่อยากจะศึกษาต่อ เขาก็ไม่ยากจะยุ้งเป็นธรรมดาของเขาครับ  เพราะธรรมมะในพุทธศาสนามันไม่ใช่เรื่องสนุก แต่มันเป็นเรื่องจริง ถ้างันท่านจะเห็นได้จากเด็กปัจจุบันนี้ยอมรับกับความจริงไม่ค่อยได้  และสื่อสำคัญคือสื่อสารมวลชนเอย หรือสิ่งต่างๆก็พยายามทำแต่สิ่งที่หลอกลวงให้แก่เด็กอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าความท้อถ้อยแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนาของเด็กหรือความเข้าใจในพุทธศาสนาของเด็กนั้นก็จะลดต่ำลงไปด้วย  ถามว่าจะทำยังไงให้เด็กไทยมีหัวใจในพระพุทธศาสนา  ก็ต้องย้อนกลับมาที่หัวใจพระพุทธศาสนาว่าหัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไร หัวใจพระพุทธศาสนามีอยู่ สามประการที่พระพุทธองค์ได้บอกไว้ คือ ปัตตะชา ปัจฉา อมัตรนั่ง อุตสาระชู ประนัปดา สุจิตปริโย อุปสัมปทาระนา สามข้อนี้คือหัวใจของพระพุทธศาสนา คืออะไรแปลออกมาก 1. งดทำชั่วทั้งปวง ข้อ 2. ทำความดีให้ถึงพร้อม และข้อสุดท้ายคือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์  สามข้อนี้ก็คือหัวใจของพระพุทธศาสนา ถามว่าจะให้เด็กไปมีหัวใจเป็นพระพุทธศาสนาก็ต้องทำให้เด็กไทยมีสามหัวข้อนี้อยู่ในจิตใจ  ไม่ยากเลยครับ ข้อที่ 1 ดูง่ายๆ การไม่ทำชั่วทั้งปวง
ข้อ 2.  ไม่ลักขโมยของๆ ใคร ข้อ 3.  ไม่ประพฤติผิดล่วงประเวณี คู่ครองของใคร  ข้อ 4. ไม่พูดจาพูดปด พูดเท็จ หลอกลวง เพ้อเจ๋อ ข้อ 5. ไม่ดื่มสุรา ยาเมา  เล่นพนัน ทำให้ขาดสติแล้วเกิดทะเลาะวิวาดขึ้น นี้ห้าข้ออยู่ในข้อแรกคือไม่ทำชั่ว  คือถ้ามีครบทั้งห้าข้อนี้คือ มีศีลบริบูรณ์ก็คือเป็นผู้ปรกติ  อันนี้มีหัวใจห้องแรก ขึ้นอยู่ในพระพุทธศาสนาแล้ว  ข้อ 2. คือทำความดีให้ถึงพร้อม ก็หมายถึงว่าอะไรก็ได้ที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีกุศลธรรมและชื่นชมว่าอย่างไง ก็ให้พึงทำไม่ว่าจะเกิดจากความเมตรา เกิดจากความรักจากเพื่อน ต่อ พ่อ แม่พี่น้องตลอดจนต่อเพื่อนร่วมโลก ข้อ 2. มีกรุณาที่เหนือจิตใจให้ใครทุกข์ก็ปรารถนา จะให้เขาพ้นทุกข์ จะให้เขามีความสุขมากขึ้น ข้อ 3. เมื่อเห็นใครเขาดีด้วย สำเร็จ ในสิ่งต่างๆเราก็มีมุฐิตา ยินดีให้กับเขา ไม่ริษยาเขา และสุดท้ายคืออุเบกขา มีคุณธรรม วางไว้เฉยๆก็เกิดปัญญา ถ้าสี่ข้อนี้อยู่ในหัวใจของเด็กไทยด้วย เด็กไทยก็จะมีธรรมมะในข้อที่สองในหัวใจห้องที่สองตามไปด้วย และข้อสุดท้ายคือ ปัญญาครับ ปัญญาคือทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หมายถึงว่านอกจากมีในพื้นฐานทั้งสองข้อคือ ศีล สมาธิแล้ว ก็มาสำรวมกาย วาจาใจ  ให้เกิดเป็นสมาธิเกิดขึ้น ปัญญาก็เกิดขึ้นตาม เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นแล้วก็มีสติด้วย ปัญญานั้นเกิดขึ้นมีตัวเดียว ส่วนเดียวไม่ได้ ต้องมีพื้นฐานมีสติเป็นอะไรอยู่แล้ว ทีนี้ถ้าเด็กไทยมีสามข้อนี้แล้วไม่มีทางที่เด็กไทยจะตกในทางไม่ดี ดังนั้นหัวของพระพุทธศาสนาก็คือสามข้อ  ดังนั้นเมื่อเอาหัวใจของพระพุทธศาสนาไปอยู่ในหัวใจของเด็กไทยนั้นได้ทั้งสามข้อนั้นเด็กไทยก็จะเดินหน้าเข้าหาวัด สักพักหนึ่งท่านผู้ฟังได้ชัดเจนว่าที่จริงแล้ว พระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราเลย ถามว่าทำไมเพราะเราประพฤติมันอยู่ทุกๆวัน และปฏิบัติ มันไม่ใช่สิ่งลี้ลับหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ งั้นพระองค์บอกไว้ว่าพระธรรมนั้นเกิดขึ้นมาแล้วในโลกถึงไม่มีพระองค์นั้นก็เกิดธรรมมะขึ้นในโลกแล้วนะครับ  ดังนั้นพระองค์มาเพื่อเตือนสติและค้นพระธรรม นั้นคือสิ่งที่พวกเราควรจะรู้และควรจะต้องนำไปปฏิบัติ ถ้าถามว่าจะปลูกฝังและให้เกิดขึ้นในสังคมหรือกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างไร  อันนี้ก็คือประเด็น จะปลูกฝังอย่างไรก็ต้องมาดูที่สถาบันครอบครัว ไม่ต้องปลูกฝังด้วยภาษาบาลี สันสฤต ไม่ต้องสวดมนต์ไหว้พระ เพียงแต่ปลูกฝังด้วยคุณธรรม จริยธรรม คือคุณธรรม จริยธรรมอย่างไร ก็คืออย่างที่บอกข้างต้นว่ามีศีลไง ให้เด็กได้รู้จักว่า ไม่ควรไปฆ่าฟัน ไม่ควรไปทำลาย ไม่ควรไปพลัดพรากจากชีวิตจากใครและก็ให้เขามีเมตตาซะด้วยนะครับ ไม่ควรไปลักขโมยของๆใคร ไม่ควรไปเอาของๆคนอื่นโดยที่เขาไม่ได้ให้ และก็ให้เขามีการแบ่งปัน ในสิ่งเหล่านี้เมื่อขึ้นกับตัวเด็กนั้นมันก็กลายเป็นการปลูกฝัง ปลูกฝังตั้งแต่เด็กปลูกฝังตั้งแต่ที่สถาบันครอบครับ ต่อมาที่โรงเรียนเราก็มาอธิบายสิ่งเหล่านี้ปลูกฝังที่โรงเรียน หรือสังคม หลังจากที่เจอกับครอบครัว ตลอดจนปัจจุบันก็หาข้อยุติไม่ได้เมื่อมาเจอเทคโนโลยีต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค ไอแพด โทรทัศน์ วิทยุ เปิดเพลงกันก็มาก มีหนังกันก็มาก ก็ควรจะมีหนังคุณธรรม จริยธรรมแทรกเข้าไปในเนื้อหาของภาพยนตร์ด้วย  เพราะว่าอะไรเด็กจำเป็นต้องเสพสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดก็คือสื่อต่างๆ สื่อก็ควรจะมีจรรยาบรรณของสื่อ หมายถึงว่าควรจะมีอะไร คิดว่าตัวเองนั้นให้อะไรกับสังคมและเด็กๆบ้าง  หมายถึงว่าไม่ว่าจะมีแต่ตบตีกัน ฆ่ากับ แทงกับในเนื้อหาของภาพยนตร์  หรือมีการหัวเราะสนุกสนานอย่างเดี่ยวก็ไม่ใช่ ควรจะสอดแทรกอะไรที่เป็นเนื้อหาธรรมมะ บางที่ภาพยนตร์หรือหนังก็ทำให้คนเข้าใจในธรรมมะได้เหมือนกัน เพราะอะไรตัวอย่างนะครับบางคนจะเห็นได้จากโทรทัศน์  ก็นำไปเลียนแบบ ที่บ้านก็ดี ที่โรงเรียนก็ดี แสดงว่าเด็กเสพสิ่งเหล่านี้ไปจิตของเขาก็ไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าเห็นโอกาสเช่นนี้แล้วก็ควรจะมาทำให้มันเกิดประโยชน์กันดีกว่า ก็คือปรับให้เขาได้เสพในสิ่งที่ดี หรือ ถ้าเขาเห็นในสิ่งที่ไม่ได้ก็ควรที่ต้องบอกเขาว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรจะกำกวมกันต่อไป และก็ควรจะต้องบอกสิ่งเหล่านี้เป็นความจริงครับ ยังไงพ่อ แม่เอ่ย ครู บาอาจารย์ก็ต้องสอนสิ่งเหล่านี้ให้กับเด็กอยู่แล้ว เราปิดบังเขาไม่ได้หมดหรอก ดังนั้นเมื่อเราสอนเราก็ค่อยๆสอนไปตามวุฒิ ตามวัยของเขาไป อันนี้ก็คือสิ่งสำคัญ ขอให้ทุกคนรับผิดชอบ รับผิดชอบคือในทุกๆหน้าที่ ที่หมายถึงตัวเราและตัวเด็ก เราสามารถให้ความรู้ ให้สิ่งต่างๆนี้ก็คือการให้ธรรมมะแก่เด็กเหมือนกัน  ก้อย่างที่พระอาจารย์บอกว่าสิ่งรอบๆตัวเราก็คือธรรมชาตินั้นเอง ธรรมชาตินั้นต้องปรากฏด้วยความจริง ดังนั้นโยมให้ความจริงต่อเด็กนั้นก็เหมือนธรรมชาตินั้นเอง ดังนั้นเมื่อเขาเรียนรู้ธรรมชาติได้ชีวิตเขาก็คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติและชีวิตเขาก็คงจะดีกว่านี้  ดังนั้นเมื่อเขามีความเข้าใจแล้วในพระพุทธศาสนาปรับตัวให้เข้ากับหัวใจของพระพุทธศาสนา แต่ก็อย่าหวังไปมากว่าเขาจะมาในวัดในวาทุกเวลา  ขอให้มีหัวใจเป็นพระพุทธศาสนามีหัวใจที่ธรรมมะก็เพียงพอแล้ว  จะอยู่ใด ที่บ้าน ที่โรงเรียน จะอยู่ที่ไหนก็ขอให้มีพุทธ มีความเป็นธรรมมะอยู่ในหัวใจ อยู่ในความคิดแค่นี้ก็มีหัวใจทางพระพุทธศาสนาแล้ว  ก็ดังพระพุทธองค์ได้กล่าวไว้ว่า ที่ใดมีธรรมที่นั้นมีเรา อนาคตก็เช่นเดียวกัน ก็หมายถึงว่าเมื่อมีธรรมมะก็มีพระพุทธเจ้าอยู่ด้วยในธรรมมะเหล่านั้น และก็ชัดเจนเมื่อเราธรรมมะเรารักษาธรรมมะหรือประพฤติตามธรรมมะ ธรรมมะก็รักษาเราเช่นกัน ก็ทำไม่เกิดปัญหาขึ้นในสังคม ทำให้เกิดความสุขความเจริญ ความปรารถนาตามที่ทุกคนได้เคยคิดเคยปฏิบัติหวังเอาไว้อย่างงั้น ก็ไม่ใช่ปาฏิหาริย์อะไรหรอกครับ ก็เพราะความดีที่เราได้ทำเอาไว้ มันก็ส่งผลมาให้เราเพราะบุคคลหวังพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้นนะครับ ก็อนุโมทนาด้วย

Fade up เพลงบรรเลง 15 วินาที แล้ว Fade under

เพ็ชรสยาม :        ผมต้องกราบขอบพระคุณ ท่านวรชัย หรือท่านโอ๊ต ทมวโร   ด้วยนะครับที่มาตอบคำถามเกี่ยวกับวัยรุ่นไทยหัวใจธรรมมะ    ในช่วงนี้ วัยรุ่นคงจะทราบแล้วสิครับว่าเราควรจะมีอะไรถึงจะสุขใจได้ในสังคมโดยที่เราไม่มีสื่อ เทคโนโลยีต่างๆ ฟังท่านโอ๊ต พูดผมก็นั่งคิด   ตัวเราเองก็ยังคงต้องปรับเปลี่ยนเรื่องของทัศนคติของสถานที่ทางพระพุทธศาสนาอย่างวัดแล้วสิครับ   เสร็จจากนี้ก็คงต้องไปเข้าวัดทำบุญเหมือนท่านโอ๊ต ทมวโร   ได้พูดเอาไว้ในช่วงเมื้อกี้แล้วสิครับ    สำหรับวันนี้ลาคุณผู้ฟังไปก่อนพบกับใหม่ในสัปดาห์หน้า  สวัสดีครับ



Fade in เพลง จิตใต้สำนึก ของ น๊อตโตะ 4.44 นาที แล้ว   Fade under


เพ็ชรสยาม :      ท่องเที่ยวรอบวัดในวันนี้เรามีไกด์สุดหล่อนะครับที่จะพาน้องๆไปเที่ยวที่วัดโพธิ์ หรือว่าวัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม ไปฟังประวัติความเป็นมาและทำไมถึงเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะแยะมากทั้งคนไทยหรือคนต่างชาติ วัดนี้จะมีความพิเศษอย่างไร และไกด์ของเราจะพาทำกิจกรรมอะไรที่วัดบ้าง ไปติดตามได้ในช่วงของ ท่องเที่ยวรอบวัดกับ ไกด์สุดหล่อ นามว่า คิมหัน นั้นเองครับ

Fade up เพลง ของขวัญ ของ Musketeers 15 วินาที แล้ว Fade out

ผู้ดำเนินรายการ(คิมหัน) :        สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน      พบกับผมคิมหันนะครับ กับช่วง ท่องเที่ยวรอบวัด แน่นอนนะครับว่าช่วงนี้คุณผู้ฟังจะได้ความสนุกสนานไปกับการเที่ยวภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นการช๊อบ การชิม หรือแม้แต่พูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวที่นี้ที่วัดโพธิ์ หรือว่าวัดพระเชตุพนมิมลมังคลารามนั้นเองครับ วัดนี้เก่าแก่มากๆ ครับ และสวยงามติดอับดับใน 1 ใน 5ของเมืองไทยและที่หน้าภูมิใจที่สุดคือวัดโพธิ์ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้จารึกไว้ เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกในทะเบียนนาๆชาติอีกด้วยครับคุณผู้ฟัง  คุณผู้ฟังหลายๆท่านอาจจะเคยมาเที่ยวกันบ้างแล้ว แต่หลายๆท่านอาจจะยังไม่ได้มา แต่ในวันนี้คุณผู้ฟังจะได้รู้ลึก รู้รอบด้านภายในวัดโพธิ์นี้มีจุดเด่นอะไร กิจกรรมภายในวัดมีหรือเปล่า  รู้ทุกซอกทุกมุมของวัดโพธิ์นะครับ  วัดนี้ตั้งอยู่ที่เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร รู้สึกว่าวัดโพธิ์จะอยู่ในบทเรียนของนักเรียนในช่วงมัธยมปลายซึ่งเด็กๆ ที่ผ่านช่วงนี้มัธยมมาคงจะทราบกันดีนะครับ วัดโพธิ์เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของประเทศไทยและจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเองครับ ชนิดราชวรวิหาร และยังเป็นวัดที่ประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1  อีกด้วย  อีกทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยอีด้วยครับคุณผู้ฟัง  เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกวิชาการเรียนต่างๆมากมายเลยที่เดียวครับ  วัดนี้ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกที่โลกให้ความทรงจำที่ดีของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก เมื่อปี  2551 ไม่นานมานี้เองครับ  สำหรับวัดโพธิ์นะครับเป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย  โดยมีทั้งหมด 99 องค์ด้วยกัน ในเรื่องของการท่องเที่ยวแล้ว วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นอันดับที่ 24 ของโลก ในปี พ.. 2549  โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155.000 คนเลยที่เดียวครับ มันน่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยมากๆครับ  คุณผู้ฟังครับรู้หรือไม่ว่าวัดโพธิ์เป็นอารามหลวงที่มีความสำคัญมากๆ และคือเป็นราชประเพณี บูรณะซ่อมแซมวัดนี้ทุกๆรัชกาลเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังวัดพิ์ยังถือได้ว่าเป็นมหาวิยาลัยแห่งแรกอีกด้วย เพราะว่าอะไร เพราะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล วิชาความรู้ทางด้านต่างๆเยอะแยะมากมาย  ทั้งประวัติศาสาตร์  วรรณกรรม  และด้านการแพทย์นั้นเอง จึงกลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยเลยครับ ภายในวัดนะครับก็จะประดิษฐานพระพุทธไสยาส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ก่ออิธถือปูน ปิดทองทั่วทั้งองค์ คือผมเห็นแล้วต้องบอกว่าสวยงามมากจริงๆต้องมากราบไหว้ดูนะครับแล้วจะรู้ว่า เมืองไทยมีดี และมีความใหญ่โตเป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยจะมีลักษณะพิเศษครับ ทางด้านซ้ายและขวาซ้อนเสมอกัน โดยที่พระบาทประดับมุกภาพมงคล 108 ประการครับคุณผู้ฟัง ตรงกลางก็จะมีรูปจักรตามตำรามหาปุริสลัขณะ โดยลวดลายมงคล 108  ประการ เป็นการผสมผสานกันระหว่างคติความเชื่อของชมพูทวีปและจีน นี้ขนาดผมเราเล่าให้คุณผู้ฟังได้ฟังกันผมยังขนลุกตั้งขึ้นมาทันทีเลยครับ เพราะมันน่าเลื่อมใสจริงๆและสวยงามมาก จนผมคิดว่าจะหาเวลาไปเที่ยวบ่อยๆแล้วสิครับคุณผู้ฟัง  ทุกวันนี้วัดโพธิ์ก็ยังโรงเรียนที่เปิดสอนภายในวัดอีกด้วยครับ อาทิเช่น โรงเรียนบาลีสาธิตศึกษา  เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นครับ และโรงเรียนวัดพระเชตุพน เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 มีเด็กๆให้ความสนใจที่จะมาศึกษาต่อจำนวนไม่น้อยเลยนะครับ ครางนี้เรามาพูดถึงประติมากรรมกันบ้าง นอกเหนือวัดโพธิ์จะมีอาคาร  พระวิหาร พระเจดีย์ต่างๆแล้ว แล้ววัดโพธิ์ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายๆอย่างครับ เช่น
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์  พระองค์ได้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและศิลปวิทยาการของกรุงศรีอยุธยาเอาไว้  รวมทั้ง ได้ปั้นรูปฤาษีดัดตนให้ท่าต่างๆครับ ซึ้งจำนวนของรูปปั้นฤาษีดัดตนที่สร้างในรัชกาลที่ 1 นั้น ไม่ทราบจำนวนแน่ชัดครับ แต่ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ได้หล่อรูปปั้นฤาษีดัดตนให้ท่าต่างๆ รวมแล้ว 80 ท่า โดยใช้สังกะสีและดีบุก แทนการใช้ดินที่เสื่อมสภาพได้ง่าย นี้คือประติมากรรมภายในวัดโพธิ์แห่งนี้ครับ ที่ยังแปลกและน่าสนใจ สำหรับใครที่อยู่ในกรุงเทพฯนะครับ ท่านสามารถมาเยี่ยมชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้นะครับ คุณผู้ฟังครับหลังจากที่เราได้ทราบถึงที่มาของวัดแล้วที่นี้เรามาพูดถึงร้านอาหารที่อยู่บริเวณวัดกันนะครับว่า แม่ค้าที่ขายนั้นพูดภาษาอัวกฤษเก่งมากๆครับ เพราะว่าส่วนใหญ่ก็มีชาวต่างชาติที่มาเที่ยววัดโพธิ์ทำให้กลุ่มแม่ค้า พ่อค้าที่อยู่บริเวณวัดจึงสามารถดึงดูดลูกค้าต่างชาติได้และทำกำไรให้กับร้านของตัวเองอีกด้วย เมนูในวันนี้ที่ผมจะแนะนำคือ ผัดไทย 100 ปี ความพิเศษของมันคืออายุ100 ปีของร้านแห่งนี้เพราะว่าสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยคุณทวดแล้วครับ จนกลายมาเป็นผัดไทย สมัยก่อนก็จะใช้แป้งมาทำเป็นเส้น แบบธรรมดา แต่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะอยากจะบอกคุณผู้ฟังว่า อร่อยมากๆ ผมนั่งกินไป2 จานนะแล้วบรรยากาศภายในร้านนะเป็นกันเองมากๆครับ ร้านตั้งอยู่ที่ด้านหลังของวัดแถวๆฝังท่าเตียนครับ ถ้ามีโอกาศไปแถวนั้นคัณผู้ฟังอย่าลืมนะครับแวะไปนั่งกินผัดไทยอายุ 100 ปีได้ครับ ชื่อร้าน สบันงานะครับอย่าลืมไปชิมนะครับ และร้านค้าต่างๆมากมายรอบวัดโพธิ์นะครับ และถ้าคุณผู้ฟังอยากจะทำกิจกรรมภายในวัดในวัดยังมีการเรียนการสอน วิธีนวดแผนปัจจุบัน เพื่อผ่อนคลายความเครียด ในการเรียนการสอนแต่ละครั้งเราไม่มีค่าใช้จ่ายในการเรียนแต่เราจะให้เป็นการทำบุญแทนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์มาเรียนมในห้องเรียน แล้วแต่ล่ะวันครับคุณผู้ฟังจะมีนักท่องเที่ยวมาเรียนวิธีนวดบ้าง หรือไม่ก็มานวดเพื่อผ่อนคลาย เพราะส่วนใหญ่ชาวต่างชาติมักจะเดินทางบ่อยกว่าคนไทย    จึงค่อนข้างปวดเมื่อยตามร่างกาย   แต่ชาวต่างชาติมีน้ำใจกว่าที่เราคิดไว้ซะอีกครับ เพราะส่วนใหญ่ที่มาเรียนนวดหรือมานวดด้วยตัวเองเลย  ก็จะให้เงินสนับสนุนครูที่สอนวิธีการนวด ส่วนใหญ่ที่มีคนเข้ามาภายในวัดโพธิ์ก็จะมาเน้นในเรื่องของการทำบุญ ตักบาตร ถวายสังฆทาน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว  เพราะวัดโพธิ์มีพระพุทธไสยาศาสตร์ที่งดงามและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ  มีการจำหน่ายพระพุทธไสยศาสตร์ประจำวัดโพธิ์ เพื่อให้ไปคุ้มครองเรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  เพราะว่ามันเชื่อมโยงกับความเชื่อของคนศาสนาพุทธอีกด้วย  ทางวัดเองพยายามบูรณะและปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่แปลกและน่าค้นหาอีกอย่างของเมืองไทยและเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาและสมัยราชวงค์จักรี จวบจนถึงปัจจุบัน และทางวัดโพธิ์ก็ยังมีการจัดทำกิจกรรมในทุกๆวันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมุ่งเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยให้ไปสู่สายตาของชาวโลก  และนี้ก็คือกิจกรรมที่เราที่เกิดขึ้นภายในวัดโพธิ์หรือว่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม เราได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาต่างๆนาๆ    ร้านค้าต่างๆรอบตัววัดแล้ว    สำหรับวันนี้ก็หมดช่วงเวลาของที่พี่แล้ว    พบกันใหม่สัปดาห์หน้าเวลาเดิมนะครับ    อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปเที่ยวที่วัดไหนอย่าลืมติดตามได้ในรายการ  ธรรมมะพาสุขกับช่วง   ท่องเที่ยวรอบวัด สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีครับ

Fade in เสียงบรรเลง 15 วินาที แล้ว Fade under

เพ็ชรสยาม :       ไกด์สุดหล่อของเราพาคุณไปทัวร์ ชิม ช๊อบ ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามไปแล้ว คุณผู้ฟังคงจะเต็มอิ่มไปกับข่าวสารต่างๆที่ดีเจคิมหันได้พูดไปแล้วสิครับ และยังมีเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ฟังดูแล้วอิจฉาดีเจคิมหันจังเลยนะครับ เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาศได้ไปเที่ยวที่วัดโพธิ์ก็อย่าลืมถ่ายรูปมาให้ผมดูนะครับและเดี่ยวจะเข้าไปกด ไลน์ ให้เลย สำหรับวันนี้หมดเวลาของ รายการธรรมะพาสุขแล้วนะครับ สัปดาห์เราจะพาคุณไปที่ไหนและมีกิจกรรมอะไรดีๆ ผมจะนำมาฝากคุณผู้ฟังทุกท่านครับ สำหรับวันนี้ต้องลาคุณผู้ฟังไปก่อนแล้วนะครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า กับรายการ ธรรมมะพาสุข   ทุกวันเสาร์ เวลา 22.00 ถึง 23.00 นาฬิกา กับผม เพ็ชรสยาม พรหมงอย สำหรับค่ำคืนนี้ ขอบคุณ สวัสดีครับ

Fade in Jingle 10 วินาที แล้ว Fade under

Cross Fade เพลงประจำรายการ 15 วินาที แล้ว Fade out

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น