วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทสารคดีเรื่อง การส่งออกวัฒนธรรมไทยสู่ตลาดโลก

Jingle:    Screen Shift 2 วินาที
เสียงเพลง  : บรรเลงดนตรีไทย 10 วินาที                                                                                                      
ผู้ประกาศ : คืนนี้เรามีประเด็นที่สำคัญในเรื่องการส่งออกวัฒนธรรมไทยสู่ตลาดโลก เราจะเห็นได้ว่ามีชาวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยเยอะแยะแต่เขามาเนื่องจากประเทศไทยสวยหรือด้วยวัฒนธรรมที่แปลกไม่เคยเห็นหรือยังไง วันนี้เราจะมีผู้เชี่ยวชาญที่จะมาให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เสียงสัมภาษณ์ : คือวัฒนธรรมไทยเป็นสิ่งที่แปลกและค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ทำให้ดึงดูดชาวต่างชาติจำนวนหนึ่ง แต่ต่างชาติไม่เหมือนบ้านเราอย่างของเรานิจะเป็นประเทศที่เปิดเป็นเสรีนิยมรับทุกๆวัฒนธรรมที่เข้ามาจนกลายไปว่าเราลืมไปเลยว่าเราเป็นคนไทย ถ้าเราอยากจะให้วัยรุ่นต่างชาติเคลิบเคลิ้มไปกับวัฒนธรรมไทยเราก็ต้องมีกระบวนการที่จะเข้าไปเจาะกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เขาเห็นว่า วัฒนธรรมไทยแปลกและดี น่าจะเลียนแบบได้ อ่ะอย่างของเกาหลีเองเขามีนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ นักการตลาด
นักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงคลีเอทีฟอีกด้วยของเกาหลีถ้าดูดีๆจะเป็นวัฒนธรรมที่ร่วมสมัยคือในซีรี่ส์ของ
แดจังกึมไม่ใช่ว่าจะมีการแย่งชิงอำนาจเพียงอย่างเดียว แต่ในตัวซีรี่ส์นั้นมีทั้งการทำอาหารสูตรราชสำนักการแพทย์ ในซีรี่ส์เรื่องเดียวก็จะมีหลายประเด็นในแต่ละประเด็นก็จะต้องมีที่มาที่ไปรวมถึงแหล่งอ้างอิงอีกด้วย ดังนั้นไทยเราก็ต้องมีการพัฒนาในส่วนนี้อีกด้วยไม่ใช่ว่าจะเอาแต่หนังผี หนังแอ๊คชั่นไปขายเราก็ต้องมีการผสมผสานระหว่างศิลปะวัฒนธรรมไทยเข้าไปอีกด้วย  


ผู้ประกาศ :  แล้วกระบวนการที่บอกมันคืออะไร
เสียงสัมภาษณ์ : คือทีมงานที่จะไปเจาะกลุ่มเป้าหมายหรือไปตีตลาดโลกก็จะมีนักครีเอทีฟ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมการส่งออก นักเศรษฐศาสตร์ นักการตลาด และที่สำคัญความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยนั่นก็คือการไหว้การยิ้มและศิลปะการแสดงอย่างโขน รำไทย ซึ้งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยมาอย่างช้านาน ตัวของอาจารย์เองก็ทำวิจัยในเรื่องของวัฒนธรรมไทยกับคนไทยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยมีพื้นเพของความเป็นไทยอยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยวัฒนธรรมของต่างชาติมีความร่วมสมัย และเป็นที่น่าสนใจและคนไทยเองขาดการวิเคราะห์จากความคิดเห็นส่วนตัวและภายในครอบครัว ต่างชาติอะไรที่เข้ามาเขาจะมีการคิดวิเคราะห์ว่าสิ่งนี้มาจากไหน ประเทศไหน ดีรึเปล่า หน้าทำตาม หรืออันนี้ไม่ดีเขาก็ไม่เอา ดังนั้นเราจะเห็นในส่วนนี้แหละ ประเทศไทยเองจึงต้องพึ่งพาสื่อเพื่อให้สื่อนั้นผลิตผลงานออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและสอดแทรกด้วยวัฒนธรรมไทย เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของวัยรุ่นต่างชาติ
ผู้ประกาศ :  เท่าที่มอง เรามีอะไรที่จะไปสู้เขาได้ในตลาดโลก
เสียงสัมภาษณ์ อย่างหนึ่งที่เราส่งไปแล้วผู้คนทั่วโลกยอมรับคือ วัฒนธรรมการไหว้   การยิ้ม   แต่นอกเหนือจากนั้น  อาจารย์คิดว่าน่าจะเป็นการแสดง ของโขนและ การรำไทย หรือแม้แต่มวยไทยเองก็ยังชื่อเสียงให้กับคนไทยได้  สิ่งเหล่านี้มันสร้างขึ้นมาได้จากการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของภาพยนตร์ หรือโฆษณา คือเราส่งออกไปต่างชาติเราทำให้เป็นความร่วมสมัยมากขึ้น ใน1 เรื่อง ก็จะมีอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้ต่างชาติจำได้ว่า อ๋อนี่คือประเทศไทยและนี่คือกระบวนการและวิธีที่เราจะไปสร้างกระแสในตลาดโลกอีกอย่างเราต้องมีอะไรที่จะไปโชว์ให้เขาดูเพื่อแสดงว่า เราไม่ได้สร้างจากเงินแต่เราสร้างมันขึ้นมาด้วยเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทยเอง คือไม่อยากให้สิ่งที่การประกวดในเวทีต่างๆที่ได้อันดับ 1 อันดับ 2 ไป ตามความเป็นจริงต้องเอาวัฒนธรรมที่แท้จริงของคนไทยไปให้เขาดูเพื่อที่จะให้ต่างชาติรู้และเคลิบเคลิ้มไปกับวัฒนธรรมไทย


ผู้ประกาศ : อย่างอเมริกาเราทรงวัฒนธรรมไทยเข้าไปสู่ตลาดอเมริกาแล้วเราจะเห็นได้ว่ามีคนจำนวนที่น้อยมากจากประชากรทั้งหมดที่รับวัฒนธรรมไทยเราจะฟังเสียงของคนไทยที่ไปเรียนที่อเมริกา ว่าวัยรุ่นอเมริกาติดกระแสวัฒนธรรมไทยมากน้อยเพียงใด
เสียงสัมภาษณ์ คนอเมริกาก็ชอบอะไรที่แปลกและใหม่นะครับบางคนเขาก็ชอบอะไรที่แปลกเพราะมันสวยงามดีบางคนที่ยึดติดกับวัฒนธรรมของเขาเลย เขาก็หาว่าวัฒนธรรมที่เข้ามาไม่ดี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มีฐานะ แต่คนที่อยู่ในไชน่าทาวน์เขาจะชื่นชอบวัฒนธรรมไทยที่ส่งไปมาก คิดว่าน่าจะมีฟีตแบ๊คกลับมาบ้างอาจจะอยู่ในระดับกลางๆพวกที่เห็นถึงความงาม ความแปลก เช่นในเรื่องของการไหว้ หรือทางด้านศิลปะภาพวาดต่างๆของประเทศไทยหรือวัฒนธรรมการเต้นรำ การแสดงโขน และการแสดงของรำมโนราห์และวัฒนธรรมของช้างที่อยู่บนภาพยนตร์เรื่ององค์บาทเห็นว่าเมืองไทยเป็นแบบนี้ เขาก็เลยคิดที่จะมาเที่ยวเมืองไทย มันก็จะมีหลายด้านเหมือนกัน อย่างลายไทย หรือประเพณีการแสดงต่างๆ เช่นโขน โปงลาง เท่าที่สังเกตก็มีคนที่สนใจในกระแสของวัฒนธรรมเป็นเอามาก อยากจะรู้ อยากจะเห็น บางคนชอบมาก และรุ้เลยว่าที่ไหนคือแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยและคิดว่าจะต้องไปสัมผัสมันให้ได้ เช่น การแสดงฟ้อนรำของชาวเชียงใหม่หรือ ระบำชาวเกาะของคนภูเก็ต หรือแม้แต่กรุงเทพมหานครเอง ก็ยังมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ นี่คือวัฒนธรรมที่เราได้ส่งไปยังอเมริกามีทั้งคนชอบ คนไม่ชอบ แล้วแต่การเปิดใจรับของตัวบุคคล
ผู้ประกาศ : ทีนี้เรามาพูดถึงกระบวนการจริงๆนะครับว่าอะไรคือตัวบ่งชี้การส่งออกวัฒนธรรมไทยสู่ตลาดโลก
เสียงสัมภาษณ์ เรามามองถึงสมัยก่อนกันนะว่า ญี่ปุ่นเองก่อนที่จะมาเข้าสู่การตลาดของไทยเขามีวิธีการสกัด สกัดคือการผ่านกระบวนการต่างๆ กระบวนการเจาะกลุ่มเป้าหมายด้วยผ่าน TCDC หรือศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบและผลิตภัณฑ์และวางแผนการตลาดดูว่าจุดรับสำคัญของประเทศนั้นคืออะไร เช่น สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ และสื่อสังคมออนไลน์ ในรูปแบบไหนอีกนอกเหนือจากสิ่งเดิม   มันก็เป็นเรื่อ
ของอนาคตแต่เราก็ไม่ได้ละเลยถึงสิ่งนี้  การส่งออกวัฒนธรรมไทยสู่ตลาดโลกก็ต้องผ่านกระทรวงใหญ่
แล้วที่นี้รัฐบาลก็ต้องให้งบปรัมาณสนันสนุน  แต่เนื่องจากรัฐบาลของเราเองก็ต้องทำอะไรให้มั่คงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่าวชาติที่เข้ามายังเมืองไทย โดยที่ชาวต่างชาติเข้ามาแล้วไม่รู้สึกกลัว
ผู้ประกาศ เอาใจวัยรุ่นไทยหน่อยครับ ในเรื่องของเพลงไทย  ละครไทย ที่ไปเปิดตลาดที่เมืองจีน หรือประเทศอื่นๆ เราจะมาถามคนจีนนะครับว่า ความรู้สึกต่อหนังไทยหรือละครไทยเป็นอย่างไรในความคิดของคุณครับ คุณ RAY RAY นักศึกษาคนจีน ปี 4 มหาวิทยาลัยธุรกิจกิจบัณฑิตย์
เสียงสัมภาษณ์ :   อ่า ละครไทยที่เข้ามาในประเทศจีน ก็สร้างกระแสให้กับวัยรุ่นของเมืองจีนเยอะมาก ผมเองกลับไปเมืองไปเมืองจีนก็ไปดูละครไทย ชวนคุณพ่อ คุณแม่มาดูด้วย กลับมาเมืองไทยก็เหมือนกัน เพราะนักแสดงสวยมาก น่ารัก และผู้ชายก็หล่อ ทำให้คนจีนหลงรักครับ
เสียงเพลง กลัวที่ไหน ของบี้ สุกฤษณ์ 30 วินาที
ผู้ประกาศ:  เมื่อเราพูดถึงการส่งออกวัฒนธรรมสู่ตลาดโลกแล้วในอดีตล่ะ อย่างการไหว้ ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก แต่เราอยากเอาสิ่งที่ใหม่และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อย่างศิลปะบนฝาผนัง ลายไทย ที่อยู่บนการแสดงของโขนประยุกต์ แต่ให้เป็นแนวคิดการส่งออกแบบสมัยก่อนสัก 50 ปีก่อน  
เสียงสัมภาณ์ ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ ในอดีตเรามีวัฒนธรรมที่โดดเด่นคือการไหว้ การยิ้มครั้งก่อนเรามีพระองค์เจ้ารัชกาลที่ 5 เดินทางไปเรียนที่ยุโรปพระองค์เองก็ทรงยกมือไหว้ให้กับชาวต่างชาติทำให้ชาวต่างชาตินั้นรู้ว่า วัฒนธรรมการไหว้เป็นของคนไทย ดังนั้นสมัยก่อนเรามีกษัตริย์ไปต่างประเทศเพื่อสร้างความสัมพันธ์และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ฝรั่งได้รู้ได้เห็น ในอดีตที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่าสื่เทคโนโลยีอาจจะน้อยและประเทศไทยเองก็ยากจนเข้าถึงต่างชาติก็ลำบากถ้าเทียบกับอเมริกาหรือยุโรปซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจอยู่แล้วก้อาจจะเข้ามาแทรกแซงได้ง่ายและทำให้ชาตินั้นหลงไหลและเคลิบเคลิ้มไปกับวัฒนธรรมจนกลายเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจแต่ก็ยังดีนะที่ประเทศไทยในตอนนั้นยังขาดการศึกษาในระดับนึงทำให้พัฒนาการในการได้รับข้อมูลของประเทศมหาอำนาจได้น้อยมาก ทำให้ประเทศนั้นแทรกแซงเราไม่ได้ด้วยวัฒนธรรมแต่ไม่นานช่วงที่ประเทศไทยมีการพัฒนาไทยเองหลงไหลและเคลิบเคลิ้มไปกับวัฒนธรรมอเมริกาไปเต็มๆเพราะคนอเมริกาหันมาเที่ยวเมืองไทยและอเมริกาเป็นมหาอำนาจโดยเล่นจุดสำคัญของไทยนั่นก็คือสื่อเทคโนโลยีและสิ่งพิม เช่น วิทยุ โทรทัศน์ เราต้องรู้แล้วว่าสิ่งที่ส่งออกคืออะไร อย่างละครไทยหรือภาพยนตร์มันก็จะต้องมีกระบวนการที่ 1 คือการสกัดจาก TCDCปรึกษากันเฉพาะหน่วยงานบ่งชี้ถึงวัฒนธรรมนั้นว่ามีอะไรบ้าง ลักษณะของภาพยนตร์มีนักวิจารณ์ นักวิเคราะห์ จุดรับที่สำคัญแต่ถ้าเป็นสื่อภาพยนตร์มันก็จะต้องผ่านกระบวนการด้านการอุตสาหกรรมแล้วทางภาคอุตสาหกรรมเราก็จะต้องมีหหน่วยงานตรวจสอบตัวภาพยนตร์อีกรอบตัวที่จะขายและไปเปิดภาพยนตร์โฆษณาและวางแผนในประเทศนั้นๆ
ผู้ประกาศถ้าเราอยากจะให้วัฒนธรรมไทยติดกระแสในต่างชาตินานๆเราจะมีวิธีอะไรบ้างเราจะมาสัมภาษณ์นางสาวอารีรัตน์ เคียงเจริญ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝ่ายการบริหารกองทุน
เสียงสัมภาษณ์การถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยโดยในต่างชาติมีได้หลายรูปแบบนะ ที่ง่ายที่สุดคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านทางสื่อ สื่อสารสนเทศก็มีหลายรูปแบบในปัจจุบัน สื่อบุคคล สื่อมวลชล สื่อสิ่งพิมเป็นต้น ในยุคของโลกาภิวัฒน์เป็นสื่อที่เข้าภุงได้ง่ายที่สุด เช่น การถ่ายทอดผ่านกระบวนการทางความคิด การถ่ายทอดผ่านขนบธรรมเนียมประเพณี การถ่ายทอดผ่านทางอาหารเช่น ครัวไทยไปครัวโลก การถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านการแสดง การถ่ายทอดที่จะประสบผลสำเร็จก็คือ ต้องมีผู้ส่งวัฒนธรรม ผู้รับวัฒนธรรม ผู้รับเอาพฤติกรรมของเราไปใช้แรงจูงใจของผู้รับวัฒนธรรมจะตอบสนองต่อความโดดเด่นความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมนั้นๆ พี่ว่าถ้าเราอยากจะให้มันอยู่ได้นานๆเราก็ต้องทำให้มันร่วมสมัยอยู่ตลอดเวลาโดนที่ทางประเทสไทยเองก็ต้องสร้างกระแสอยู่ตลอดเวลาเท่าที่พี่มองพี่ว่ามันอยู่ได้ไม่นานเพราะ 1.ก็คือเราไม่ได้เป็นสากลเหมือนอย่างประเทศมหาอำนาจอเมริกาและยุโรปหรือแม้กระทั่งเกาหลีเองมันอาจจะอยู่ได้ไม่นานถึง 4-5 ปี อาจจะเป็นซักระยะหนึ่ง
เสียงเพลงดนตรีไทย 15 วินาที
ผู้ประกาศถ้าเกิดว่าเรามองแบบนักเศรษฐศาสตร์มองแบบคิดการไกลเราจะมองว่ามันจะอยู่ได้นานมั๊ย วัฒนธรรมไทยที่ส่งตลาดเนี้ยเราจะมารู้กันกับ นางสาวอารีรัตน์ เคียงเจริญ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝ่ายการบริหารกองทุน
เสียงสัมภาษณ์ ถ้าให้พี่มองแบบนักเศรษฐศาสตร์นะ วัฒนธรรมไทยเนี้ยเป็นที่น่าค้นหา น่าสนใจแปลกและอยากจะสัมผัสอย่างวัฒนธรรมการไหว้อ่ะทั่วโลกรู้จักสัญลักษณ์พอเห็นก็รู้เลยว่า อ๋อนี่คือคนไทยและที่พี่มองคือนิสัยของคนไทยจะอยู่กับอะไรที่เดิมๆซ้ำๆไม่ค่อยสนใจอะไรมากมาย คือคนไทยเนี้ยเราก็พบว่าพื้อเพของความเป็นไทยเขามีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าคนไทยเองจะแต่งกายลอกเลียนแบบและเคลิบเคลิ้มไปกับวัฒนธรรมของต่างชาติ อย่างอเมริกา ยุโรป เกาหลี แต่อย่างว่าคนไทยยังไงก็ยังเป็นคนไทยเหมือนเดิม  อย่างหนึ่งที่พี่มองคือ การแสดงโขน  การรำไทย เราสามารถนำไปขายนำไปโชว์ให้ต่างชาติได้ดูกันโดยที่เราทำให้มันร่วมสมัยมากขึ้น  โดยเป็นการแสดงโขนแบบไทยๆเน้นเอกลักษณ์เฉพาะ ไปเลย สำหรับร่วสมัยก็คือการเอาโขนมาแบบเต็มวงเหมือนกันการแสดงแบบในราชสำนัก อยู่ในหอสิลป์ เราก็เอาไปโชว์ที่ร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก  มันก็คือการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ต่างชาติได้รู้ แต่สิ่งเหล่านี้มันก็ต้องใช้งบประมาณที่มหาศารมากๆ  เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการทำภาพยนตร์โฆษณา  การประชาสัมพันธ์  รวมถึงจุดรับสำคัญในการรับ  ทีนี้เมื่อเรามาพูดถึงการทำภาพยนตร์โฆษณา  เราก็ต้องมีการเจาะหากลุ่มเป้าหมาย  เลือกกลุ่มเป้าหมาย เลือกกลุ่มไหน วัยรุ่นหรือกลุ่มวัยทำงาน  เราก็สกัดนั้นแหละว่าวัฒนธรรมที่ส่งไปคืออะไร อย่างโขนก็จะเป็นกลุ่มวัยทำงาน หรือสูงอายุ  เพื่อจูงใจให้หันมาเที่ยวเมืองไทย  รวมถึงการประชาสัมพันธ์  รูปแบบการประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อมวลชน  มีการแถลงข่าวจากสำนักงานข่าวภูมิภาค มีการติดโปสเตอร์ไปทั่วทั้งเมืองเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ต่างชาติสนใจและหันมามองดู
ผู้ประกาศ และนี้ก็คือประเด็นที่ทุกคนต้องช่วยกันครับ การส่งออกวัฒนธรรมไทยสุ่ตลาดโลก เพื่อทำให้เห็นศักยภาพความเป็นเอกลักษณ์ที่ร่วมสมัยและโดดเด่นเพื่อที่จะไปบุกตลาดโลก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการที่ได้ผู้เชี่ยวชาญได้บอกไปแล้วข้างต้น วันนี้หมดเวลาลงแล้วครับ ขอบคุณและสวัสดีครับ 
 โดย เพ็ชรสยาม พรมหงอย 

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ราชบัณฑิตฯ มั่นใจภาษาไทยไม่วิกฤติ


ราชบัณฑิตฯ มั่นใจภาษาไทยยังไม่วิกฤติ ยันวัยรุ่นใช้ภาษาแชตเฉพาะในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ไม่เอามาใช้ในการทำงานหรือการเรียน

นางสาวกนกวลี ชูชัยยะ เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าวถึงวันภาษาไทยที่จะถึงในวันที่ 29 ก.ค.นี้ว่า ขณะนี้สถานการณ์ภาษาไทยในปัจจุบันยังไม่ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะวัยรุ่นนำภาษาที่ใช้แช้ตคุยกันในอินเทอร์เน็ตไปใช้ในการสื่อสารในหมู่วัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังไม่เคยเห็นวัยรุ่นนำภาษาจากอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการทำงานหรือการเรียนเลย

อย่างไรก็ตาม ราชบัณฑิตฯ เองก็พร้อมจะเป็นสื่อกลางที่จะเข้าถึงเด็กและเยาวชนอยู่แล้ว เพื่อต้องการเน้นย้ำให้เด็กไทยได้ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องตามกาลเทศะ ทั้งนี้ ก็จะปลูกฝังตั้งแต่เด็กปฐมวัยให้ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ทั้งฟัง พูด อ่าน และเขียน เพราะหากเรียนรู้การใช้ภาษาไทยขั้นพื้นฐานตั้งแต่เด็กเล็ก ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กในอนาคตอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เพิ่มชั่วโมงเรียนวิชาภาษาอังกฤษมากขึ้นจนอาจจะทำให้เด็กลืมที่จะเรียนรู้ภาษาไทยนั้น ตนมองว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญเช่นกัน แต่ก็สามารถเรียนรู้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กันไปได้